วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

รัฐแบกอ่วมอีก 2,000 ล้านชาวนาบุรีรัมย์ปล่อยข้าวหลุดจำนำกว่าแสนตัน

บุรีรัมย์ -
เผยไร้เงาชาวนาบุรีรัมย์ไถ่ถอนข้าวเปลือกจำนำในยุ้งฉางกับ ธ.ก.ส.กว่า
105,800 ตัน หลุดจำนำแล้ว 80%
คาดปล่อยหลุดทั้งหมดส่งผลรัฐแบกรับอานอีกร่วม 2,000 ล้าน
เหตุราคาซื้อขายท้องตลาดต่ำกว่าราคาจำนำ
พร้อมขู่เอาผิดเกษตรกรหากข้าวที่จำนำสูญหายเหลือไม่ครบตามจำนวน
ส่วนการเปิดรับจำนำข้าวนาปรังปีแรกยังเหลือโควตากว่า 100
ตันขณะหลายจังหวัดชุมนุมร้องรัฐเพิ่มโควตา


นาย นิยม รัตนเย็นใจ
ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ฤดูกาลผลิตปี 2551/52
มีเกษตรกรจ.บุรีรัมย์นำข้าวเปลือกนาปี
มาเข้าร่วมโครงการจำนำของรัฐบาลในรูปแบบจำนำในยุ้งฉางกับ ธ.ก.ส. จำนวน
16,800 ราย รวมปริมาณข้าวกว่า 105,800 ตัน ใช้งบประมาณในการรับจำนำกว่า
1,931 ล้านบาท

ขณะนี้ข้าวของเกษตรกรได้หลุดจำนำไปแล้วมากกว่า 80%
และภายในสิ้นเดือนมิถุนายนจะถึงนี้ จะสิ้นสุดระยะเวลาการไถ่ถอน
คาดว่าไม่มีเกษตรกรมาไถ่ถอนแม้แต่รายเดียว
เนื่องจากราคาซื้อขายข้าวในท้องตลาดมีราคาเพียงตันละ 14,300 บาท
ต่ำกว่าราคาจำนำ ที่สูงถึงตันละ 16,000 บาท

นายนิยมกล่าวอีกว่า
ส่วนข้าวที่หลุดจำนำขณะนี้ยังไม่ได้มีการแปรสภาพส่งให้โกดังกลาง
อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบคุณภาพ
และปริมาณข้าวในยุ้งฉางของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเดือนละ 1 ครั้ง
หากพบว่าข้าวของเกษตรกรรายใดสูญหาย เหลือไม่ครบตามจำนวน
เกษตรกรรายนั้นต้องมาชำระหนี้ที่ทำสัญญาไว้กับ ธ.ก.ส. ภายใน 7 วัน

"หาก ครบกำหนดแล้วยังไม่มาชำระ
ก็จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
รวมทั้งหากโรงสีหรือผู้ประกอบการรายใดรับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกรที่เข้า
ร่วมโครงการจำนำ ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา รับซื้อของโจรเช่นกัน"
นายนิยม กล่าว

นายนิยมกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม
หลังจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในหลายจังหวัด
มีการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มโควตารับจำนำข้าวนาปรังปี 2552
เนื่องจากโควตาเต็ม จนกระทั่งรัฐบาลมีการเพิ่มโควตาอีก 2 ล้านตัน
แต่เกรงว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
จะเกิดความสับสนอาจเข้าใจผิดคิดว่ารัฐบาล
ชะลอการจำนำข้าวนาปรังทั่วประเทศ จึงขอแจ้งให้เกษตรกรทราบว่าปีนี้
จ.บุรีรัมย์ได้เปิดรับจำนำข้าวนาปรังเป็นปีแรกและได้รับการจัดสรรโควตาทั้ง
สิ้น 455 ตัน ขณะนี้มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการแล้ว 300 ตัน
ยังเหลือโควตาจำนำอีกกว่า 100 ตัน
ขอให้เกษตรกรเร่งนำข้าวมาจำนำยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการตามจุดต่างๆ
ที่กำหนดไว้ ก่อนที่จะสิ้นสุดโครงการจำนำในวันที่ 31 ก.ค.ที่จะถึงนี้
เพื่อไม่ให้เสียโอกาส

"ปี นี้ จ.บุรีรัมย์มีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังใน 18 อำเภอ
พื้นที่กว่า 24,000 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 13,000 ตัน
ปัจจุบันมีราคาซื้อขายในท้องตลาดกิโลกรัมละ 8-9 บาท
ส่วนราคารับจำนำอยู่ที่กิโลกรัมละ 11.80 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขาย
จึงขอให้เกษตรกรนำข้าวนาปรังมาเข้าร่วมโครงการก่อนจะสิ้นสุดระยะเวลาจำนำ"
นายนิยม กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น