วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อดีตสหายอีสานเตรียมบุกทำเนียบทวงสัญญา "66/23" ย้ำไม่ร่วมมุดใต้ดินป่วนชาติกับกลุ่มใด

บุรีรัมย์ - แกนนำ ผรท. หรืออดีตสหาย 15 จว.ภาคอีสาน และภาคกลาง 4
จว.กว่า 100 คน รวมตัวที่อนุสรณ์สถานประชาชนอีสานใต้ จ.บุรีรัมย์
แถลงย้ำจุดยืนไม่ได้ร่วมเคลื่อนไหวใต้ดินป่วนชาติหรือจับอาวุธขึ้นสู้สร้าง
ความรุนแรงเช่นอดีตกับกลุ่มเสื้อสีใดตามที่ถูกแอบอ้าง เผยภายใน 4-5 วัน
จะเคลื่อนพลกว่า 5,000 บุกทำเนียบ
ทวงสัญญาที่รัฐรับปากช่วยเหลือตามนโยบาย 66/23 ชี้
ผรท.ยึดแนวทางต่อสู้สันติ ไม่ก่อความรุนแรง
สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อส่วนรวม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ว่า
กลุ่มแกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) 15 จังหวัดภาคอีสาน และ
ภาคกลาง 4 จังหวัด หรือ อดีตสหาย กว่า 100 คน นำโดย นายประภาส โงกสูงเนิน
ประธานสภาเครือข่ายประชาชน 4 ภาค
ได้รวมตัวกันที่อนุสรณ์สถานประชาชนอีสานใต้ บ.โคกเขา ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ
จ.บุรีรัมย์ ร่วมกันแถลงจุดยืนไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มใดๆ
ตามที่มีบุคคลบางกลุ่มได้แอบอ้าง
และกล่าวหาว่ากลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจะเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวใต้ดินสร้าง
ความรุนแรงในสังคม หรือ
จับอาวุธขึ้นสู้อย่างเช่นในอดีตนั้นไม่เป็นความจริง

โดยทางกลุ่มมีจุดยืนของตัวเองในการร่วมกันพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง
ก่อให้เกิดความสงบสุข ไม่ทำร้ายประเทศไทย
และเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิตามข้อตกลง 66/23 เท่านั้น
ไม่มีนัยยะอื่นแอบแฝง และขอให้กลุ่มที่แอบอ้างได้หยุดการกระทำดังกล่าว
เพราะได้สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่ไม่มีส่วนรู้
เห็นใดๆ เลย

นายประภาส โงกสูงเนิน ประธานสภาเครือข่ายประชาชน 4 ภาค หรือ อดีต
"สหายสุรศักดิ์" ได้กล่าวยืนยันว่า
กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยไม่เคยเข้าไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหว
สร้างความรุนแรงแตกแยกกับกลุ่มเสื้อสีใด ตามที่ถูกกล่าวอ้าง
ทางกลุ่มมีจุดยืนเดียวกันที่จะร่วมพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองและต่อสู้เรียก
ร้องสิทธิอันชอบธรรมให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนเท่านั้น
และแนวทางการต่อสู้ของกลุ่ม ผรท.เอง ก็จะต่อสู้ในทางสันติ
ไม่ก่อความรุนแรง หรือสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับส่วนรวม

ส่วนที่แกนนำกลุ่ม ผรท.ทั้งภาคอีสาน19 จังหวัด และภาคกลาง 4
จังหวัด มารวมตัวเพื่อแถลงจุดยืนในครั้งนี้
ก็เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าทางกลุ่ม
ผรท.ไม่เคยเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมกับกลุ่มเสื้อสีใด
และก็ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มการเมืองใด
อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาประเทศชาติบ้านเมืองก็วุ่นวายเสียหายมากอยู่แล้ว
และส่วนตนก็มีความคิดเห็นว่ากรณีที่กลุ่มเสื้อสีต่างๆ
ออกมาชุมนุมประท้วงนั้น ต่างอ้างว่าสู้ตามระบอบประชาธิปไตย
และสู้เพื่อประเทศชาติ แต่สิ่งที่กระทำกลับตรงกันข้าม
และหากทุกคนเป็นคนไทย รักประเทศไทย และยืนหยัดที่จะต่อสู้ปกป้องประเทศ
ก็ไม่ควรจะทำร้ายประเทศชาติให้เสียหายอย่างที่ผ่านมา

ทาง ด้านนายคำเส็ง บุญตาแสง หรือ อดีต"สหายซิวต้า"
แกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ระบุว่า ภายใน 4-5 วัน
กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยไม่น้อยกว่า 5,000 คน
จะรวมตัวไปเคลื่อนไหวที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
เพื่อเรียกร้องสิทธิขอที่ทำกินตามที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้
ซึ่งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตามที่ได้สัญญา
ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือเพียงกว่า 1,000 คนเท่านั้น
จากสมาชิกผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในเขตภาคอีสานทั้งหมดร่วม 20,000 คน

ขณะที่ นายสุเนตร แก้วคำหาร หรืออดีต "สหายชัด"
เลขาประธานสภาเครือข่ายประชาชน 4 ภาค ระบุว่า ที่ผ่านมากลุ่ม
ผรท.ได้ต่อสู้เรียกร้องมาทุกรัฐบาล
แต่ไม่ได้การช่วยเหลือจากทางรัฐบาลตามที่ได้ทำพันธะสัญญาไว้ตามนโยบาย
66/23 เพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือทั้งที่ทำกิน
ที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ

"มีเพียงยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ที่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างจริงใจโดยจ่ายเงินชดเชยให้รายละ 125,000 บาท
เป็นบางส่วน ดังนั้น หากรัฐบาลยังไม่ให้การช่วยเหลือตามที่ได้ให้สัญญาไว้
ทางกลุ่มก็จะยังคงเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อไป" นายสุเนตร กล่าว

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000051044

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น